พระร่วงรางปืน กรุวัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย เลี่ยมกรอบทองไมครอนกันน้ำอย่างดี ผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้ว มากด้วยพุทธคุณ

พระร่วงหลังรางปืน กรุสวรรคโลกจักรพรรดิแห่งพระเนื้อชิน พุทธคุณครบเครื่อง : พระองค์ครู เรื่องไตรเทพ ไกรงู ภาพ กฤชนันท์ ธรรมไชย
          พระร่วงหลังรางปืน จักรพรรดิแห่งพระเนื้อชิน แตกกรุเมื่อปี ๒๔๙๓ จากบริเวณหน้าพระปรางค์องค์ใหญ่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (เชลียง) จ.สุโขทัย เชื่อว่าเมื่อขอมเรืองอำนาจได้เคยปกครองดินแดนแถบนี้ ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม และได้สร้างพระพิมพ์นี้ไว้ให้สืบทอดในดินแดนที่ครอบครองก็คือ “พระร่วง” พิมพ์นี้นั่นเอง จำนวนพระที่พบมีไม่เกิน ๒๐๐ องค์ และกว่าครึ่งหนึ่งเป็นพระที่ชำรุดเสียหาย ที่สมบูรณ์สวยงามจริงๆ มีเพียงสิบกว่าองค์เท่านั้น

          ต่อมาปี ๒๕๔๘ สมัยจตุคามกำลังเป็นที่นิยมเลยทำให้กระแสพระเก่าเริ่มเงียบในช่วงเวลาหนึ่ง ทางกรมศิลป์ได้ทำการบูรณะพระปรางค์เก่าแก่ สมัยลพบุรี ที่ชำรุดและได้ค้นพบพระร่วงหลังรางปืนและพระร่วงหลังตันและหลังกาบหมาก ในจ.กาญจนบุรี ในจำนวนไม่มากนัก ส่วนมากเป็นพระที่ชำรุด ซึ่งเป็นพระร่วมสมัย กับพระที่แตกกรุ ที่สุโขทัยและลพบุรี ทั้งกรุเก่าและกรุใหม่รวมกันทุกพิมพ์จำนวนไม่เกิน ๕๐๐ องค์ แต่พระองค์ที่สมบูรณ์สวยๆ มีไม่เกินหลักสิบเท่าที่พบเจอทั้งกรุใหม่และกรุเก่าต่างก็เป็นพระที่หายากด้วยกันทั้งสิ้น

          พุทธลักษณะ พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระยืนปางประทานอภัย นักสะสมบางท่านมักจะเรียกเป็น ปางประทานพร ศิลปะเขมรยุคบายน อยู่ในลวดลายของกรอบซุ้ม ลักษณะของยอดซุ้มเป็นลายกนกแบบซุ้มกระจังเรือนแก้ว ด้านหลังขององค์พระพิมพ์นี้มีลักษณะพิเศษ คือมีรางร่องกดลึกลงไป ทำให้ด้านหลังเป็นรางร่องยาวไปตามองค์พระ

หลัางปืน จักรพรรดิแห่งพระเนื้อชิน แตกกรุเมื่อปี ๒๔๙๓ จากบริเวณหน้าพระปรางค์องค์ใหญ่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (เชลียง) จ.สุโขทัย เชื่อว่าเมื่อขอมเรืองอำนาจได้เคยปกครองดินแดนแถบนี้ ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม และได้สร้างพระพิมพ์นี้ไว้ให้สืบทอดในดินแดนที่ครอบครองก็คือ “พระร่วง” พิมพ์นี้นั่นเอง จำนวนพระที่พบมีไม่เกิน ๒๐๐ องค์ และกว่าครึ่งหนึ่งเป็นพระที่ชำรุดเสียหาย ที่สมบูรณ์สวยงามจริงๆ มีเพียงสิบกว่าองค์เท่านั้น

          ต่อมาปี ๒๕๔๘ สมัยจตุคามกำลังเป็นที่นิยมเลยทำให้กระแสพระเก่าเริ่มเงียบในช่วงเวลาหนึ่ง ทางกรมศิลป์ได้ทำการบูรณะพระปรางค์เก่าแก่ สมัยลพบุรี ที่ชำรุดและได้ค้นพบพระร่วงหลังรางปืนและพระร่วงหลังตันและหลังกาบหมาก ในจ.กาญจนบุรี ในจำนวนไม่มากนัก ส่วนมากเป็นพระที่ชำรุด ซึ่งเป็นพระร่วมสมัย กับพระที่แตกกรุ ที่สุโขทัยและลพบุรี ทั้งกรุเก่าและกรุใหม่รวมกันทุกพิมพ์จำนวนไม่เกิน ๕๐๐ องค์ แต่พระองค์ที่สมบูรณ์สวยๆ มีไม่เกินหลักสิบเท่าที่พบเจอทั้งกรุใหม่และกรุเก่าต่างก็เป็นพระที่หายากด้วยกันทั้งสิ้น

          พุทธลักษณะ พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระยืนปางประทานอภัย นักสะสมบางท่านมักจะเรียกเป็น ปางประทานพร ศิลปะเขมรยุคบายน อยู่ในลวดลายของกรอบซุ้ม ลักษณะของยอดซุ้มเป็นลายกนกแบบซุ้มกระจังเรือนแก้ว ด้านหลังขององค์พระพิมพ์นี้มีลักษณะพิเศษ คือมีรางร่องกดลึกลงไป ทำให้ด้านหลังเป็นรางร่องยาวไปตามองค์พระ

          เมื่อครั้งที่พระแตกกรุออกมาใหม่ๆ นักนิยมพระเครื่องในสมัยนั้นเรียกพระพิมพ์นี้ว่า “พระร่วงหลังกาบหมาก” ต่อมาได้มีผู้นำพระพิมพ์นี้ไปใช้ติดตัว ทำให้เกิดความแคล้วคลาดจากภยันตรายในเรื่องปืน มีประสบการณ์ ยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า ยิงไม่ถูก ทำให้ผู้คนในสมัยต่อมาเรียกพระพิมพ์นี้ว่า พระร่วงหลังรางปืน

          อย่างไรก็ตามแต่ก็มีผู้สันทัดอีกกลุ่มหนึ่งในยุคคุณปู่ กล่าวว่า เพราะด้านหลังองค์พระที่เป็นร่องและมีลายแบบกาบหมากนั้น มีลักษณะคล้ายร่องปืนแก๊บ จึงเรียกกันว่า “หลังรางปืน”

          ด้านพุทธคุณ ถือว่าครบเครื่องครอบจักวาล คือ อำนาจ แคล้วคลาด โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี ถึงกับนักสะสมพระเครื่องต่างร่ำลือกันว่า องค์ “พระร่วงเจ้า” พิมพ์ยืนพิมพ์นี้ ท่านโรจน์ฤทธิ์พิชิตภัยได้ทุกทิศ จนมีคำกล่าวมานานแล้วว่า “ถ้าแขวนพระร่วงหลังรางปืน จะไม่มีการตายโหงอย่างเด็ดขาด”

          สำหรับภาพพระองค์ครูฉบับนี้เป็น “พระร่วงหลังรางปืน กรุสวรรคโลก เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง” ชนะเลิศที่ ๑ ในการประกวดใหญ่ๆ มาหลายงาน รวมทั้งติดรางวัลที่ ๑ จากงานประกวดพระของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. ของ “คุณเจนวุฒิ์ พันธ์รัตนมงคล”